นพ.เพิ่มบุญ จิระบุญศักดิ์ โทรศัพท์มาเล่าสู่กันฟังว่า จากประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ พบว่าปัจจุบันมีเด็กป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจมากขึ้น และเมื่อลองแนะนำให้คนไข้หยุดใช้แป้งฝุ่นโรยตัวก็เห็นว่า มีอาการดีขึ้น
คุณหมอจึงเห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบน่าจะมีมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค เช่น ติดฉลากเตือน โดยเฉพาะกับแป้งโรยตัวเด็กว่า "อาจมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ โปรดใช้ด้วยความระมัดระวัง" เพราะเป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้วว่าฝุ่นละอองต่าง ๆ นั้นมีผลกระทบต่อทางเดินหายใจ แต่พอมาเป็น "ฝุ่นแป้ง" บรรจุกระป๋องเรากลับไม่ค่อยตระหนักถึงอันตราย
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดแป้งฝุ่นโรยตัว เป็นเครื่องสำอางควบคุม โดยถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่อาจเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพอนามัยของผู้บริโภค แต่ไม่อยู่ในข่ายเสี่ยงต่ออันตรายรุนแรง จึงไม่ต้องขออนุญาตขึ้นทะเบียนเครื่องสำอาง แต่ฉลากต้องมีข้อความที่กฎหมายกำหนด เช่น ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า วันเดือนปี ที่ผลิต วิธีใช้ และปริมาณสารสำคัญและสารควบคุม ซึ่งในแป้งฝุ่นโรยตัวสำหรับเด็กกฎหมายกำหนดห้ามมีส่วนผสมของ กรดบอริก โซเดียมบอเรต เมนทอล การบูร ส่วนแป้งฝุ่นโรยตัวทั่วไป อนุญาตให้มีกรดบอริก หรือ โซเดียมบอเรต ได้ไม่เกิน 3 % มีเมนทอลไม่เกิน 1.0 % และมีการบูร ได้ไม่เกิน 1.5 %
นอกจากนี้กฎหมายยังกำหนดให้ แป้งเด็กต้องแสดงคำเตือนว่า "ห้ามใช้โรยสะดือเด็กแรกเกิด" ส่วนแป้งฝุ่นทั่วไปที่มีส่วนผสมของกรดบอริก โซเดียมบอเรต เมนทอล หรือการบูร จะต้องแจ้งเตือนว่า "ห้ามใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี" และ "ระวังอย่าให้เข้าจมูกและปากเพราะอาจเกิดอันตรายได้" ส่วนคำเตือนเรื่อง "ผลกระทบทางเดินหายใจ หรือภูมิแพ้" ที่คุณหมอเพิ่มบุญเสนอมานั้น อย.บอกว่าก็คงต้องรับไว้เสนออนุกรรมการพิจารณาอีกที
ไม่ทราบว่า ท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่อง การติดคำเตือนเรื่องภูมิแพ้ ลองช่วยกันส่งความคิดเห็นมาแลกเปลี่ยนที่ฉลาดซื้อกันดูบ้าง
ในระหว่างนี้ ผู้บริโภคก็คงต้องทาแป้งอย่างมีหลักการ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ๆ เช่น อย่าโรยแป้งลงบนตัวเด็กโดยตรง เพราะจะทำให้เกิดฝุ่นฟุ้ง อาจเข้าตาหรือจมูก ควรเทแป้งใส่มือถูให้เข้ากันก่อนแล้วค่อยทาที่ตัว แม้แป้งจะช่วยบรรเทาอาการอับชื้น แต่การทาแป้งมาก ๆ ก็ทำให้ผิวบอบบางของเด็กแห้งเกินไปได้เช่นกัน และเมื่อใช้เสร็จแล้ว อย่าลืมเก็บแป้งให้พ้นมือเด็ก ๆ เพื่อป้องกันเด็กนำแป้งไปละเลงเล่น หรือกินเข้าไปเพราะเด็กเล็ก ๆ จะเรียนรู้จากการสัมผัสโดยใช้ปาก
ข้อมูลจาก วารสารฉลาดซื้อ ฉบับที่ 43