ความเหงา-อารมณ์ส่วนเกิน อันตรายใกล้ตัว

นักจิตวิทยาแห่งมูลนิธิฮอตไลน์ แนะนำวิธีขจัดอารมณ์ส่วนเกิน ซึ่งเป็นปัญหานำพาไปสู่พฤติกรรมความสัมพันธ์ที่เสียหาย โดยมักรีบสรุปความสัมพันธ์ทั้งที่คบหาได้ไม่นาน ทางแก้ไขต้องคบหากับเพื่อนชายให้นานขึ้น ถ้าชอบก็บอกไปตรง ๆ ว่าจะคบหาในฐานะอะไร อย่าทึกทักเอาเอง ซึ่งหากผู้ชายปฏิเสธให้ถือเป็นเรื่องธรรมดา ยกตัวอย่างคุณแม่วัย 30 กว่า ปิ๊งกับตำรวจจราจรที่เจอหน้ากันทุกวันขณะไปส่งลูกที่โรงเรียน แต่พอรู้ตัวต้องรีบดับอารมณ์อ่อนไหวให้ทันการ

อรอนงค์ อินทรจิต นักจิตวิทยาและนักจิตบำบัดจากมูลนิธิศูนย์ฮอตไลน์ ซึ่งมูลนิธิเอเชียให้การสนับสนุนกล่าวว่า ปัจจุบันพบหญิงไทยจำนวนมาก มีความเหงา ขาดความมั่นคงในจิตใจ และขาดความพึงพอใจในตนเอง ทั้งที่ปกติความเหงาเป็นสิ่งที่เกิดได้กับทุกคน ทุกสถานการณ์ เพียงแต่พื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูตลอดจนสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมคนคนหนึ่ง ช่วยให้สามารถแยกแยะความรู้สึกแท้จริงกับอารมณ์ส่วนเกินได้ ให้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อ แต่อารมณ์อ่อนไหวในความเหงาของการดำเนินชีวิตประจำวันที่ขาดการขัดเกลา และไม่สามารถแยกแยะระหว่างความรู้สึกจริง ๆ กับความรู้สึกส่วนเกิน ทำให้ผู้หญิงมากมายก้าวไปสู่พฤติกรรมความสัมพันธ์ที่นำความเสียหายมาสู่ตัวเอง

"จากจำนวนผู้หญิงที่โทรศัพท์เข้ามาปรึกษาศูนย์ฮอตไลน์ พบว่า การได้รู้จักพบปะเพื่อนชายในระยะสั้น แต่เมื่อฝ่ายชายแสดงความสุภาพ เอาอกเอาใจ ให้ความสนใจความสำคัญด้วยการเล่าเรื่องในครอบครัวหรือปรึกษาปัญหาด้วย ผู้หญิงจะสรุปว่าผู้ชายเลือกและสนใจในฐานะคู่รักหรือคนรัก ครั้นพบว่าเขามีคนรักอยู่แล้วหรือหายหน้าไป ผู้หญิงส่วนใหญ่รับไม่ได้กับความรู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิเสธ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เกิดความรู้สึกกลายเป็นคนไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการ ทั้ง ๆ ที่คบหากันได้อย่างนานที่สุดไม่เกิน 3 เดือน" นักจิตวิทยาเปิดเผยปัญหาที่พบ

อรอนงค์ให้คำแนะนำว่า ความอ่อนไหวที่นำไปสู่ความบาดเจ็บเหล่านี้ สามารถป้องกันด้วยการให้เวลาในการคบหากับเพื่อนต่างเพศอย่างน้อยหนึ่งปีขึ้นไป เพื่อให้รู้จักเขามากขึ้น หากรู้สึกว่าเริ่มชื่นชอบเขามาก ๆ ก็สามารถบอกตรง ๆ จะได้ชัดเจนไปว่าจะคบหากันในฐานะเพื่อนหรือคนรัก ไม่ทึกทักเอาหรือคิดฝันไปเอง หรือหากฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธ ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราเองยังมีสิทธิจะชอบพอเขา เขาก็มีสิทธิจะไม่รักเราจริง ๆก็ได้ คนเราทุกวันนี้ คบหาแต่งงานอยู่กินกับเป็นสิบ ๆ ปียังเลิกร้างกันได้ นับประสาอะไรกับคนที่รู้จักกันได้ไม่นาน

"ที่สำคัญหากรักชอบใครในระยะเวลา สั้น ๆ ก็อย่าไปให้ความสำคัญมากนัก ให้ตระหนักว่า นั่นอาจจะเป็นอารมณ์ส่วนเกินก็ได้ หางานทำที่จะช่วยให้รู้สึกดี ๆ กับตัวเองมากขึ้น คิดถึงคนใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนสนิท สามีภรรยา หรือลูก ๆ ให้มาก อย่าปล่อยให้อารมณ์ส่วนเกินมามีอิทธิพลกับเราจนไม่สามารถควบคุมได้" อรอนงค์กล่าวให้คำแนะนำ

นักจิตบำบัดจากมูลนิธิฮอตไลน์ ยกตัวอย่างผู้หญิงคนหนึ่งที่โทรศัพท์มาปรึกษาว่า เป็นคุณแม่อายุ 32 ปี มีชีวิตครอบครัวที่ดี สามีดีพร้อมทุกอย่าง ทุกวันผู้หญิงคนนี้จะขับรถพาลูกเล็ก ๆ ไปส่งโรงเรียนที่หน้าโรงเรียนมีตำรวจจราจรมายืนโบกรถให้ผู้ปก ครอง คุณแม่ก็พบกับตำรวจหนุ่มซึ่งมีครอบครัวแล้วเช่นกัน ทุกวันสบตายิ้มโบกมือกัน แล้ววันหนึ่งคุณแม่ตกใจมากว่าไม่รู้ทำไมคิดถึงผู้ชายคนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จนคิดไปว่าหากเขาชวนดื่มกาแฟก็คงดี คงไปด้วย เริ่มอ่อนไหวกับอารมณ์ส่วนเกินนี้ แต่รู้ว่าไม่ดีแน่ หากปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างที่คิดฝันไปเรื่อย ๆ จะกลายเป็นการทำลายครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่างไป

อรอนงค์ ให้ข้อคิดในตอนท้ายว่า
"นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณแม่วัย 30 กว่าปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเรื่องเช่นนี้จะเกิดกับเด็กสาวหรือคนวัยรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งถ้าหากปล่อยให้อารมณ์ของตนเองไหลไปเรื่อย ก็อาจนำไปสู่ปัญหาการคบหา หรือมีเพศสัมพันธ์กับชายที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมกับเราก็ได้"

ที่มา ... สยามดารา