ภัยจากคนบ้า วิกลจริต จิตเภท

เมื่อคนบ้าไม่อยู่ในส่วนคนบ้า ออกมาระรานคนปกติ อันนี้คงมีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์กันอยู่บ่อยๆ และนับวันยิ่งมีคดีแบบนี้เกิดมากขึ้นเพราะคนบ้าและคนดีสมัยนี้ดูไม่แตกต่างกัน แถมคนบ้าบางที่ยังดูดีกว่าคนปกติเสียอีก
สังคมไทยเราส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องโรคจิตอยู่ไม่น้อย อย่าง เช่น ตัวละครที่แสดงบนคนบ้าในภาพยนตร์ หรือ ละครทีวีที่มักทำดูเป็น “ต๊อง” แต่นั่นไม่ใช่ “โรคจิต”
โรคจิต (Psychosis) คือ โรคที่ผู้ป่วยมีอาการไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง มีความคิดผิดปกติ หวาดระแวง คิดว่าจะมีคนมาทำร้าย เชื่อว่าตนเองมีอำนาจพิเศษ มีการรับรู้ที่ผิดปกติ หูแว่ว เห็นภาพหลอน พูดคนเดียว ทำร้ายคนอื่น และไม่รู้ตัวว่าเองผิดปกติด้วย
อย่างกรณีของ...........
ชายฉกรรจ์อายุประมาณ 35 ปี มีเข็มฉีดยาเป็นอาวุธ มีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ออกอาละวาดใช้เข็มฉีดยาทิ่มสะโพกสาวๆพร้อมตะโกนออกไปว่า “เป็นเอดส์แล้วนะ” ทำให้ผู้คนแถวนั้นขวัญกระเจิงไปตามๆกัน แต่มันก็ยังยิ้มหน้าบาน หัวเราะร่า และตระเวน “ทิ่ม” ต่อไปอย่างเมามัน จนกระทั่งถูกรวบตัว

กรณีนี้เข้าข่าย “โรคจิต” นี่แหละ “บ้า”

“จิตรลดา” สาวโรคจิต จิตเภท อาละวาดกระซวกเด็กนักเรียนหญิงกลางกรุง
กรณีสะเทือนขวัญชาวไทยล่าสุดเหตุการณ์หนึ่ง ที่มือมีดสาวทรงผมหน้าม้าสุดเปรี้ยว ชื่อ จิตรลดา บุกเข้าไปโรงเรียนชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ แล้วจ้วงแทงทำร้ายเด็กนักเรียนหญิง 4 คน จนอาการบาดเจ็บสาหัส
กรณีนี้น่าสนใจตรงที่เธอบอกว่า เธอเป็นผู้ถูกเลือกจากสวรรค์ ให้ทำภารกิจสำคัญกำจัดทายาทคนเชื้อสายแขกอินเดียและจีนที่เข้ามากอกโกยผลประโยชน์ในเมืองไทยจนร่ำรวยให้หมดสิ้น และเป็นเพราะเธอถูกเสกของใส่ เธอต้องตัดสินใจทำเช่นนั้น เพื่อเป็นการป้องกันตัว
ยิ่งสอบสวนก็ยิ่งน่าเชื่อได้ว่า จิตรลดา มีอาการป่วยทางจิตที่เรียกว่า จิตเภท แต่ยังไม่ถึงขั้น “เสียสติ” เพราะเธอมีสติสัมปชัญญะในการเตรียมการที่จะลงมือในวันก่อเหตุอย่างครบถ้วน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้อาจเป็นผลพวงมาจากสภาพจิตใจที่อ่อนแอ และภาวะครอบครัวล้มเหลวที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เธอยังเด็ก จึงทำให้เธอเกิดอาการหวาดระแวงหลงผิด จนนำไปสู่การก่อคดีอุกฉกรรจ์โดยที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ในที่สุด

โรคจิตประเภทต่างๆที่ควรรู้

โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นโรคจิตชนิดที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งในคนทั่วไป 100 คน จะพบผู้ป่วยที่เป็นหรือเคยเป็นโรคนี้0.3-1 คน โดยประมาณ และในทุกๆปีจะมีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้น 1 คน ต่อรประชากร 1 หมื่นคน โรคจิตประเภทนี้จะมีอาการหว่าดระแวง หูแว่ว เชื่ออะไรผิดๆ พูดคนเดียวเรื่อยเปื่อยหรืออาจามีความผิดปกติเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ นั่งนิ่งทั้งวัน คิดอะไรเปรอะ สับสนไปหมด มักพบได้ตั้งแต่อายุน้อย หลังวัยรุ่น หรือในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น จึงควรสำรวจตัวเองและคนใกล้คุณมีอาการดังกล่าวหรือไม่
โรคอารมณ์แปรปรวน (Mood disorders หรือ Affective disorders)ในบ้านเราที่พบบ่อยมี 2 ชนิดคือ
-โรคซึมเศร้า (Depressive episode หรือ Major Depressive Disorder)คือมีอารมณ์เศร้า ไม่มีความรู้สึกสนุกสนานขาดความสนใจในสิ่งที่เคยสนใจ รู้สึกว่าพลังงานลดลง อ่อนเพลีย ทำกิจกรรมลดลง ขาดสมาธิ รู้สึกตัวเองไร้ค่า ขาดความเชื่อมั่นในตนเองมีความรู้สึกผิ มองโลกในแง่ร้าย นอนไม่หลับ ตื่นเร็วผิดปกติ เบื่ออาหาร น้ำนหักลด เบื่อโลก เบื่อชีวิต มีความคิดทำร้ายตนเอง หรือพยายามฆ่าตัวตาย
-ไบโพลาร์ (Bipolar affective disorder) คือมีอาการครื้นเครง มีพลังงาน ไม่อยากพักผ่อน พูดมาก มีความคิดโลดแล่นไม่ค่อยควบคุมตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินปกติ อาจมีอาการหลงผิด ประสาทหลอน ฉุนเฉียง ก้าวร้าว เป็นสลับกับอาการของโรคซึมเศร้าข้างต้น
3.โรคระแวง (Delusional Disorder) อาการเด่นคือ มีความเชื่อผิดหลงผิด โดยที่การดำเนินชีวิตในด้านอื่นเป็นปกติ
4.โรคจิตจากโรคทางกาย (organic Mental Disorder with Psychosis) เกิดอาการทางจิตทุกรูปแบบ เนื่องจากสาเหตุจากโรคทางกาย เช่น อัมพฤกษ์ มาลาเรียขึ้นสมอง หรือ โรคจิตจากฤทธิ์ของยาบ้าประเภท อ.ต.ร. อันตราย
5.โรคจิตจากภาวะเครียดรุนแรง (Brief Reactive Psychosis) เป็นโรคจิตที่เกิดจากภาวะกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง เช่น สูญเสียคนรัก ล้มละลาย หรือ ชีวิตล้มเหลว
แต่สำหรับกรณีของ นายสมคิด หนุ่มใหญ่ที่ก่อคดีฆ่าผู้หญิงติดต่อกัน 5 ศพ ภายใน 5 จังหวัด ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
นายสมคิดผู้ต้องหาปฏิบัติการโหดโดยมักจะติดต่อเหยื่อที่เป็นหมอนวดมาร่วมหลับนอนด้วย แต่หลังจากเสร็จกิจผู้ต้องหากลับฆ่าเหยื่อ แล้วหลบหนีไปพร้อมทรัพย์สิน จนใครๆเค้าเรียกกันติดปาก “ฆาตรกรต่อเนื่อง”
ฆาตรกรต่อเนื่องส่วนใหญ่จะมีความผิดปกติทางด้านจิตใจเป็นพื้นฐาน ซึ่งจะจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “จิตเภท” ซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมโดยส่วนรวม
แต่ นายสมคิด นั้น ไม่ใช่ ทั้งฆาตรกรต่อเนื่อง หรือ ไอ้โรคจิตแต่ทว่าเข้าเป็นเพืยงผู้ร้าย “แสร้งบ้า” ที่โลภมากและมีความต้องการทางเพศสูงเท่านั้น
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่คนในสังคมต้องพึงระวัง เพราะใครๆก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า “คนบ้าฆ่าคนตายไม่ติดคุก”
กรณีโรคจิตลักษณะฆาตรกรต่อเนื่องของแท้
โรเบิร์ต เรสส์เลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของ FBI ได้ให้ความหมายของ “นักฆ่าต่อเนื่อง” (Serial Killer) ว่าเป็นการฆ่าที่กระทำโดยคนเพียงคนเดียว ประกอบด้วยเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นตั้งแต่ 3 ครั้ง หรือมากกว่าขึ้นไป ในสถานที่ต่างกัน ในเหตุการณ์ที่แยกจากกัน ซึ่งช่วงเวลาในการฆ่านั้น อาจใกล้กันหรือห่างกันเป็นปีก็ได้ โดยลักษณะทั่วไปของนักฆ่าต่อเนื่องจะมีอยู่ 10 ประการด้วยกัน ดังนี้
1.ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย และเป็นโสด
2.ฉลาด ระดับสติปัญญาสูงกว่าปกติ
3.ทำงานแบบใช้แรงงานเพราะพื้นฐานมักเป็นคนไม่ชอบเรียนหนังสือ
4.มาจากครอบครัวที่มีปัญหา แตกแยก หรือมีแม่เป็นผู้ดูแลเพียงลำพัง
5.มีความรู้สึกต่อต้านความเข้มแข็งอันเป็นลักษณะของผู้ชายที่ไม่เคยได้รับจากพ่อ แต่ก็เกลียดผู้หญิงและชอบใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง เพราะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแม่
6.ครอบครัวมีประวัติการกระทำความผิด ปัญหาทางจิต หรือ การติดสุรา
7.ถูกทารุณกรรมทั้งทางกาย และจิตใจ ตั้งแต่ยังเด็ก จนทำให้เป็นคนเคียดแค้น ขาดคุณธรรม
8.ทำตัวเหมือนเด็ก เพื่อเป็นการคลายความกดดันทางจิตใจที่ฝังลึกมาแต่อดีต
9.มีความรู้สึกเกลียดสังคม เกลียดคนในสังคม บางครั้งก็เกลียดตัวเอง เพราะไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมในสังคมจึงมีการต่อต้าน
10.แสดงออกถึงความต้องการทางเพศ ความพอใจทางเพศด้วยการขโมยเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น กางเกงใน เสื้อขั้นใน หรือ แอบดูผู้หญิงอื่นโป๊ะเปลือย หรือ ร่วมเพศ

คนบ้าต้องแบบนี้

-มีอาการเหม่อลอย ซึมลึกชัดเจน ไม่สนใจคนรอบข้าง
-มักชอบพูดกับตัวเอง พูดลอยๆ หัวเราะ ยิ้ม ร้องไห้ โดยไม่มีสาเหตุ
-พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดเรื่อยเปื่อย ขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารโต้ตอบ
-จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว นัยน์ตาลอกแลก บางครั้งมีอาการเกร็งหรือกระตุกร่วมด้วย
-มีความเชื่อประหลาดๆ ชอบคิดหรือได้ยินอะไรไปเอง
-มีพฤติกรรม หรือ กิจวัตรประจำวันส่ออาการผิดปกติเช่น ชอบสะสมชุดชั้นในผู้หญิง ชอบทำอนาจารโดยไม่อาย

วิธีป้องกันและรับมือ

หมั่นสังเกตบุคคลรอบตัวว่ามีผู้เข้าข่ายวิกลจริตหรือไม่หากพบไม่ควรมองจ้องหน้าหรือพูดจายั่วยุ
โทรแจ้งตำรวจ 191 ให้รับตัวไปบำบัดรักษา คนวิกลจริต
คุณควรเห็นใจเขาและนำตัวไปรักษาอย่างถูกวิธี แต่ถ้าเป็นคนบ้าที่เดินตามท้องถนนก็ไม่ควรไว้ใจ ควรเดินหนีให้ห่างอย่าทำตัวเป็นแม่พระโปรดสัตว์ เพราะอาจจะกลายเป็นศพได้โดยไม่รู้ตัว
มีผลสำรวจระบุว่า คนไทยป่วยเป็นโรคจิตราว 1 ล้านคน ป่วยถึงขั้นจิตฟั่นเฟือน 4 แสนคน สำรวจตัวคุณและคนใกล้ตัว อาจเป็น 1 ในล้าน หรือ 1 ใน 4 แสน


ที่มา : หนังสือภัยผู้หญิง