การรณรงค์และมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านทำข้อตกลงต่อต้านยาเสพติดร่วมกัน เพื่อให้การแพร่ระบาดลดลง มีผลให้ผู้ค้ายาเสพติดเปลี่ยนรูปแบบ วิธีการ เพื่อหลบหนีมาตรการตรวจจับอันรัดกุมของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลในประเทศเพื่อนบ้าน จนผู้ค้าไม่สามารถส่งสินค้า หรือลำเลียงยาเสพติดได้อย่างสะดวก
กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า จากข้อมูลที่ได้รับจากนักโทษยาเสพติดที่ถูกจับในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ประมวลได้ว่า คนไทยถูกชักนำเข้าสู่กระบวนการค้ายาเสพติด ในฐานะผู้ลักลอบขนยาเสพติดจากแหล่งผลิตในประเทศที่สาม (อินเดียและปากีสถาน) ไปยังแหล่งจำหน่ายในประเทศจีน
ผู้จ้างวานส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกันตะวันตกที่เข้ามาในประเทศไทย โดยกลุ่มคนเหล่านี้เริ่มต้นด้วยการใช้ นกต่อ ที่เป็นผู้หญิงไทยซึ่งอาจเป็นภรรยา ติดต่อกับ "เหยื่อ" หญิงไทยที่พร้อมจะเสี่ยงเป็นผู้ขนลำเลียงยาเสพติด "นกต่อ" ให้เหยื่อเดินทางไปยังแหล่งยาเสพติด โดยออกค่าเดินทางพร้อมเงินติดตัวไม่รวมค่าจ้างและ เมื่อได้รับของแล้วเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง คือ ประเทศจีนซึ่งปัจจุบันมีตัวเลขนักโทษไทย ที่ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดอยู่ถึง 60 ราย
ที่น่าเป็นห่วงคือกว่าครึ่งของนักโทษที่ถูกจับกุมมีความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ว่า อายุในวัยทำงานเฉลี่ย 20-30 ปี ซึ่งผู้ถูกจับกุมถูกนายหน้า คนกลางชักจูงว่าหากถูกจับได้รับโทษจำคุก เพียง 5-10 ปีเ ท่านั้น แต่ในความเป็นจริงโทษที่ได้รับนั้นเป็นโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตหรือจำคุก ตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีหญิงไทยต้องโทษ ในอเมริกาใต้17คนข้อหา "ลักลอบขนยาเสพติด" หญิงไทยดังกล่าวหวังขนยาเสพติดโคเคน กลับประเทศไทยแต่ถูกจับได้
กองคุ้มครองฯ กรมการกงสุลจึงออกเตือนหญิงไทยหรือผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อระวังการถูกชัก ชวนหรือชักจูงจากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติเหล่านี้ และสุดท้ายผู้ขนส่งยาเสพติดไม่มีทางรอดต้องโทษสูงสุดประหารชีวิตครอบครัว เดือดร้อนยิ่งกว่าเดิมรวมทั้งขอให้คำนึงถึงผลร้ายของการค้ายาเสพติดที่ทำลาย สังคมและเยาวชนพบเบาะแสหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่กองคุ้มครองฯ โทร.0-2575-1046-51
ที่มา คมชัดลึก