ภัยแก๊งลักรถยนต์

ช่างเหน็ดเหนื่อยแสนเข็ญเหลือเกินสำหรับชาวบ้านในยุคนี้ กว่าจะเก็บเงินดาวน์รถยนต์ หรือปิกอัพเป็นของตัวเองได้แต่ละคัน บางคนต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี เพื่อเก็บเงินก้อนพอที่จะไปดาวน์รถยนต์ออกมาขับขี่แลกความสะดวกสบายได้ ตรงกันข้ามกับ “แก๊งโจรกรรมรถยนต์” ที่หมายตารถยนต์ป้ายแดง โดยเฉพาะรถปิกอัพซึ่งเป็นที่ต้องการตาม “ออร์เดอร์” ของแก๊งลักรถในประเทศเพื่อนบ้านชายแดนไทย ใครจะรู้ว่า “เหยื่อ” แต่ละรายที่ถูกลักรถยนต์ไป จะมีความรู้สึกเช่นใด เมื่อความเพียรพยายามในการเก็บหอมรอมริบ กว่าจะมีรถยนต์ได้แต่ละคัน ต้องมลายหายไปในพริบตา

ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร.ตร.) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ที่ผ่านมา มีกลุ่มมิจฉาชีพอาศัย “ความรู้สึกสูญเสีย” ของเจ้าของรถยนต์ที่ถูกขโมยไป หาประโยชน์ทรัพย์สินเงินทองใส่ตัว ด้วยพฤติกรรมโทรศัพท์ไปตามสถานีวิทยุ จส.100 หรือร่วมด้วยช่วยกัน อ้างตัวเป็น “ตำรวจทางหลวง” ขอเบอร์โทรศัพท์เจ้าของรถผู้เสียหาย ลวงว่ามีเบาะแสในการติดตามรถยนต์กลับคืนมาได้ เมื่อมิจฉาชีพเหล่านี้ได้เบอร์โทรศัพท์ไป จะโทรฯ ไปหาผู้เสียหาย อ้างตัวเป็น “ตำรวจตระเวนชายแดน” หลอกว่าสามารถติดตามรถที่ถูกลักขโมยไปได้แล้ว แต่มีค่าใช้จ่ายดำเนินการ ที่ต้องนำรถผ่านชายแดนกลับคืนมา ลวงผู้เสียหายให้โอนเงินไปให้ครั้งละ 1-2 หมื่นบาท หากผู้ใดหลงเชื่อมันจะเชิดเงินหนีเข้ากลีบเมฆ เหมือนดั่ง “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” ผู้ตกเป็นเหยื่อเลยทีเดียว

นายวรพันธ์ โตพานิช อายุ 60 ปี คือหนึ่งในคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้ ตรวจสอบเงินในบัญชี พบว่ามีการโอนเงินเข้ากว่า 63 รายการ มีเงินสดจำนวนมาก ไม่รู้ว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อมันเท่าไร และ “คุก” จะเป็นการลงโทษที่เพียงพอต่อการดัดสันดานมันหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ผู้เสียหายจำเป็นต้องมี คือ “สติ” รู้จักจอดรถของตนไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือ “วายร้าย” กลุ่มนี้.