ภัยแท็กซี่

ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง เพราะในรถแท็กซี่ มีเพียงคุณและเขาเท่านั้น แท็กซี่ เป็นหนึ่งในอาชีพที่ไม่มีการทำประวัติอาชญากร นั่นหมายถึงใครใคร่ขับก็ได้ เพิ่งออกจากคุกก็มาขับแท็กซี่ได้ ไม่ได้ขู่ให้กล้ว แต่เตือนไว้เพื่อระวัง!!

นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง เรียกรถแท็กซี่จะกลับบ้านโดยเผลอตัวนั่งข้างหน้า ระหว่างทางโซเฟอร์แสดงอาการบ้ากามออกมา ใช้มือลูบคลำขาของเธอ ด้วยความตกใจที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อนทำให้ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ โซเฟอร์เดนนรกคิดว่าสาวเจ้าคงมีใจเล่นด้วย เลยเลื้อยมือมาขยำที่หน้าอก ด้วยความกลัวทำให้เธอคิดว่าหากโวยวายขึ้นมา มันอาจทำร้ายหรืออุ้มเธอไปฆ่าก็ได้ ทำให้ต้องนั่งนิ่งเงียบ โชคดีที่รถติดไฟแดงเธอจึงรีบวิ่งลงจากรถ โดยไม่ทันจำเลขทะเบียนรถ แล้วรีบเข้าบ้านไป โชคดีที่รอดมาได้

พนักงานธนาคารสาวสวย ออกจากออฟฟิศย่านถนนพหลโยธิน เรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาคันแรกให้ไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางเจอดี มีกลิ่นเหม็นตลบไปทั่วทั้งคันรถ รู้สึกมึนศีรษะใจหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม แต่ด้วยความที่เป็นคนระวังตัวอยู่ตลอดเวลาทำให้คิดว่าคนขับอาจฉีดสะปรย์บางอย่าง เลยรีบบอกให้จอดและลงจากรถทันที

สาวออฟฟิศย่านสีลม ขึ้นแท็กซี่จะกลับบ้าน หลังเลิกงานตอนเย็นเจอคนขับจิตวิปริตพูดแต่เรื่องข่มขืนพร้อมกับหันหน้ามาบอกว่าข่มขืนผู้หญิงมาหลายคนแล้ว เธอจะเป็นรายต่อไป ทำเอาแทบช็อก พอตั้งสติได้รีบใช้โทรศัพท์มือถือบอกแฟนเพื่อจะบอกว่าขึ้นรถทะเบียนอะไรและคนขับชื่ออะไร แต่มองหาในรถไม่เจอป้ายชื่อที่คนขับต้องมีติดไว้ในรถตามกฎหมาย ทำได้แต่เพียงเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะโซเฟอร์และรถที่ขึ้น ไอ้ตัวร้ายกลับหัวเราะเยาะบอกว่าจะพาไปเที่ยวสักพักเพื่อให้แฟนเธอคลั่งตายด้วยความเป็นห่วง พอดีรถติดไฟแดงเธอเลยรีบวิ่งลงจากรถ หนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

สาวห้างสรรพสินค้าใหญ่ย่านฝั่งธนบุรีเลิกงานกลางดึก วันนั้นแฟนติดงานดึกมารับไม่ได้ ต้องกลับเอง แต่รถเมล์หมดแล้ว ไม่กล้าขึ้นรถสองแถวที่จอดแช่ป้ายไม่ยอมออก อีกทั้งกลัวคนขับจะขับหวาดเสียวอันตราย เลยเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งถนนเอกชัยโดยนั่งไปคนเดียว เพราะเพื่อนที่ไปทางเดียวกันเลิกงานกลับบ้านไปก่อนแล้ว คนขับบอกว่าไม่รู้จักหมู่บ้านที่เธอต้องการจะไป ให้ช่วยบอกทางด้วย ขณะเดียวกันก็ชวนคุยแนะนำไม่ให้ขึ้นรถคนเดียวเพราะเป็นผู้หญิงเจอคนขับไม่ดีเป็นอันตราย พร้อมกับคุยโม้ว่าเป็นคนดีช่วยเหลือสังคม เคยเก็บเงินได้คืนเจ้าของ และเคยช่วยเหลือเด็กสาวให้พ้นจากการถูกผู้ชายพาเข้าโรงแรมม่านรูด
ทำเอาเธอเชื่อสนิท.. แต่แล้วก็ต้องสงสัย เมื่อมันพูดขึ้นว่า หมู่บ้านที่จะไปอยู่ลึกห่างจากถนนใหญ่ใช่ไหม?เธอเลยรู้สึกเอะใจขึ้นมา ตอนแรกบอกว่าไม่รู้จักแต่กลับเผลอพูดออกมาอย่างละเอียด ก็เลยโทรศัพท์หาแฟน ทำทีแกล้งคุยเสียงดังให้มารอรับที่ปากซอย ระหว่างนั้นสังเกตเห็นคนขับรถเอามือไปจ่อที่หน้ากากแอร์และขยำมือ สักพักเธอก็มึนหัว คลื่นไส้จะอาเจียน รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ร่างกายไม่มีเรียวแรง ทำให้รู้ว่าโดนวางยาแน่ เลยบอกให้จอดหน้าซูเปอร์มาร์เกตที่เปิดไฟสว่างอยู่ข้างทางเพื่อจะลงจากรถ แต่เปิดล็อกประตูไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ เธอราบรามสติและเรี่ยวแรงเท่าที่มีดึงล็อกอย่างสุดแรงจนสามารถเปิดประตูได้ แล้วจึงรีบลงจากรถทันที ไปยืนในร้านแต่เดินไม่ไหว ได้แต่ยืนพิงกำแพงร้าน ขณะที่โซเฟอร์แสนชั่วยังจอดรถรอดูว่าเธอจะหมดสติล้มลงเมื่อใด เวลาผ่านไปสักพักเมื่อได้อากาศบริสุทธิ์ เธอกาการดีขึ้นและรีบโทรศัพท์บอกให้แฟนมารับส่วนรถแท็กซี่หนีไปทันที เรื่องราวข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างของผู้หญิงที่เจอกับภัยแท็กซี่ จะว่าเคราะห์ดีในเคราะห์ร้ายก็ได้ ที่ว่าเคราะห์ร้ายคือเจอโซเฟอร์สุดเลว ส่วนเคราะห์ดีคือเธอยังเอาตัวรอดมาเล่าเหตุการณ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ได้ฟังกัน โดยไม่โดนอุ้มไปทำมิดีมิร้ายเสียก่อน

คนเมืองหลวงที่จะขึ้นรถแท็กซี่ก็ด้วยเหตุผลหลายอย่างคิดว่ารวดเร็ว สะดวกและเป็นส่วนตัว ไม่อยากเบียดกับใครบนรถเมล์ ผู้หญิงบางคนกล้าขึ้นรถแท็กซี่คนเดียวเพราะคิดว่าปลอดภัยกว่าการขึ้นรถเมล์ หรือรถตู้ รวมทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าขึ้นไปเจอกับความเลวร้าย เมื่อก่อนเราเห็นแต่รถแท็กซี่ถูกลวงไปปล้น บางคนโดนฆ่าเพื่อชิงเงินหรือทรัพย์สินไปเพียงเล็กน้อย หลายคนโชคดีที่มีชีวิตรอดมาได้ไปแจ้งความกับตำรวจ จับได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ปัจจุบันโซเฟอร์แท็กซี่บางคนกลับกลายเป็นโจรซะเอง บางคนเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ เมื่อเราขึ้นไปบนรถ มีเพียงเราและคนขับเท่านั้น ต่างก็ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน มีเพื่อนผู้หญิงหลายคนเล่าประสบการณ์ที่ขึ้นรถแท็กซี่คนเดียวแล้วเจอกับความบัดซบของคนขับ

หญิงสาวหน้าตาดี แต่งตัวทันสมัย
นุ่งกระโปรงสั้นแถมผ่าข้างใส่เสื้อฟิตเปรี๊ยะจนปลิ้น โดยเฉพาะนักศึกษา คนขับรถบางคนเมื่อเห็นนักศึกษาขึ้นมาคนเดียว รูปร่างหน้าตาดีแต่งตัวตรงสเปก หากขึ้นเบาะหลังมันจะมองกระจกหลังสังเกตท่าทีจากนั้นก็จะเริ่มชวนคุยเรื่องตลกทะลึ่งๆ เมื่อเห็นเหยื่อยิ้มหรือหัวเราะก็จะคิดว่าเล่นด้วย ขั้นตอนต่อไปก็จะคุยเรื่องลามกจกเปรต ที่หนักไปหว่านั้นคือจะเริ่มสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง เพราะเด็กสาวนั่งอยู่ข้างหลัง บางครั้งมองไม่เห็นว่ามันทำอะไร แต่บางคนก็วิปริตถึงขนาดทำให้เหยื่อดูก็มี คนขับบางคนจะใช้จิตวิทยาง่ายๆคือรู้ว่าผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะทันสมัย หรือโบราณขนาดไหน วัยไม่เกี่ยง ต่างก็ชอบเรื่องดวง เรื่องเคราะห์กันทั้งนั้น
เรื่องหมอดูมาเป็นอันดับหนึ่ง
มันจะทำเป็นผู้ใหญ่ใจดี ชวนคุยเรื่องธรรมะธัมโม ก่อนจะปิดฉากทักว่าหญิงสาวคนนั้นหน้าตาหมองๆเหมือนมีเคราะห์ หญิงสาวเกือบทั้งหมดหากได้ยินใครทักแบบนี้ก็หูผึ่งขึ้นมาทันที ส่วนใหญ่จะย้อนถามหลับไปทั้งนั้นว่ารู้ได้อย่างไร? หรือถามว่าทำไมหรือ..
เมื่อมันเห็นเหยื่อสนใจก็จะเปิดฉากโจมตีทันที หากเป็นนักศึกษาส่วนใหญ่ก็จะมีอยู่ไม่กี่เรื่อง คือเรื่องแฟนและเรื่องการเรียน มันก็จะบอกว่าหน้าตาเหมือนคนอมทุกข์ มีเคราะห์ จะเรียนหนังสือไม่จบแล้วแฟนก็จะทิ้ง อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด พร้อมกับถามวันเดือนปีเกิด
หากบอกมันไป คราวนี้เข้าล็อก มันจะเริ่มซ้ำที่เดิม
หรือภาษาตลกเรียกว่า ขยี้มุก... ยิ่งทำให้เหยื่อแย่หนัก ทั้งเครียดทั้งกลัว คราวนี้มันจะยิงเข้าเป้าเลย บอกว่าช่วยได้ เพราะรู้จักอาจารย์ดีจะพาไปสะเดาะเคราะห์
พร้อมกันนั้นก็จะพูดจาเอาบุญคุณบอกว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมากแต่ไม่เป็นไร มันจะช่วยพูดให้ เพราะเห็นเป็นนักเรียนนักศึกษา
เสียเงินน้อยแบบตีตั๋วเด็ก เมือเจอลูกไม้แบบนี้เข้าทุกคนก็รีบคว้าไว้แน่ เพราะหลงคิดว่าได้ของดีราคาถูก
จากนั้น ก็อาจจะขอเบอร์เพื่อนัดแนะ หากบางคนใจร้อนก็ให้พาไปเลย มันก็จะแกล้งทำบ่ายเบี่ยงเล็กน้อย แต่ก็ยอมพาไป พอถึงที่หมาย อาจจะพาเข้าโรงแรมหรืออาจจะพาไปที่ห้องเชือดของพวกมันเลย
สุดท้ายเหตุการณ์จบลงอย่างไร คงไม่ต้องอธิบาย..
บางคนมันพาไปหาหมอดูสะเดาะเคราะห์จริงๆบางครั้งทำแนบเนียนไม่กลัวบาปถึงกับห่มจีวรปลอมเป็นพระ แล้วหว่านล้อมให้เหยื่อแก้ผ้าเพื่อจะได้ขลัง ทีนี้ก็เสร็จมัน..
บางคนก็ให้กินน้ำมนต์อ้างว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ พอกินเข้าไปก็สลบไม่รู้เรื่อง รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เปลือยเปล่าสูญสิ้นพรหมจรรย์ไปแล้ว
ที่เลวร้ายกว่านั้น ก็โดนถ่ายรูปแบล็กเมล์ ชั่วนักก็ให้เพื่อนมาร่วมก๊วนเรียงคิวด้วย แถมถ่ายวีดีโอไว้ทำเป็นซีดีออกขายได้เงินอีกต่างหาก
หนักที่สุดเห็นจะเป็นถูกจับตัวขังไว้บำเรอกามจนมันเบื่อก็นำไปขายซ่อง ทั้งในและต่างประเทศ หรือฆ่าทิ้ง
ภัยอันตรายบนรถแท็กซี่อีกประเภทหนึ่งคือการใช้ยาสลบ มันจะหาทางแตะเนื้อต้องตัว เช่นหากเหยื่อมีสัมภาระมาก ก็จะช่วยขนแล้วถือโอกาสถูกเนื้อต้องตัวเล็กน้อยทำเป็นไม่ได้ตั้งใจ แต่ช่วงนั้นก็จะเอายาป้าย
แต่ที่หลายคนเจอมาก็คือ การมอบยาสลบผ่านทางช่องแอร์ โดยทายาไว้ที่มือแล้วเอาไปจ่อที่ช่องแอร์ทำให้แอร์พัดเอายากระจายไปทั้งรถผู้โดยสารสูดเข้าไปก็มึนงง อ่อนระโหยโรยแรงหมดสติ หากใครรู้ตัวถึงสามารถจะแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน
สำหรับพวกที่ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์อะไร หรือเรียกว่าพวกไม่ลงทุน ก็จะใช้กำลังปลุกปล้ำหรือใช้อาวุธที่พอจะหาได้จี้ลากตัวเอาไปข่มขืนดื้อๆ
เคยมีข่าวเด็กสาวติดต่อกับเพื่อนชายทางอินเตอร์เน็ต แล้วนัดเที่ยวกันจนดึก โดนหลอกพาเข้าโรงแรม อุตส่าห์หนีออกมาได้ เรียกแท็กซี่จะกลับบ้าน แต่กลับหนีเสือปะจระเข้ โดนโซเฟอร์สุดชั่วพาเข้าที่เปลี่ยวข่มขืนซ้ำ
ส่วนใหญ่จะโดนกลางคืน แต่บางรายโดนกลางวันแสกๆ
แทบทุกรายเจอยาสลบทั้งนั้น

คนขับรถที่มีแนวโน้มจะทำให้เกิดภัยแท็กซี่ จะเริ่มต้นวิธีการต่างๆดังนี้

1. สังเกตการณ์แต่งกายของผู้โดยสารอย่างละเอียด ทั้งอายุ ทรัพย์สิน สีหน้า ความสุข ความเศร้า แล้วประเมินเบื้องต้นว่าจะเล่นงานเหยื่อได้หรือไม่ เช่น การแต่งกายล่อแหลม หรือแต่งชุดนักเรียน ถ้ามีอายุน้อยมีโอกาสที่จะถูกล่อลวงได้ง่าย
สีหน้ามีความทุกข์ แววตาไร้เดียงสา หรือ ซึมเศร้า มีโอกาสที่จะตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย
2. เมื่อประเมินสภาพภายนอกว่ามีโอกาสแล้วจะประเมินความคิดของผู้โดยสารด้วยการชวนคุย
อาจเริ่มแบบสุภาพธรรมดาๆ ก่อน หากไม่มั่นใจว่าผู้โดยสารจะรู้ตัวแต่ถ้าประเมินดูแล้วง่ายก็จะใช้คำถามจี้ใจ เช่นทักว่าสีหน้าไม่ค่อยดี มีเคราะห์
หรืออาจทำทีเป็นที่ปรึกษาระบายความทุกข์เรื่องการเรียน เงิน ทอง ความรัก ปัญหาครอบครัว หากรู้ว่าเป็นคนต่างจังหวัดจะใช้ภาษาถิ่นเพื่อให้ผู้โดยสารสนิทเชื่อใจ หากเหยื่อหลงเชื่อก็เข้าทางแล้วหลอกลวงไปทำมิดีมิร้าย

วิธีปฏิบัติเมื่อนั่งแท็กซี่โดยลำพัง

1. ควรจะจดจำทะเบียนรถทันทีที่ขึ้นรถ
2. เลือกที่นั่งที่ปลอดภัย เมื่อต้องขึ้นรถแท็กซี่คนเดียว
นั่งเบาะหลังคนขับชิดประตูด้านขวา แต่ถ้าลงด้วยเหตุปกติเมื่อส่งถึงจุดหมายปลายทางให้ลงประตูด้านซ้าย เป็นการยากที่คนขับรถจะใช้อาวุธ หรือสารเคมี ยาสลบต่างๆ ต่อผู้โดยสารโดยตรง และเป็นการยากที่คนขับจะจู่โจมเหยื่อเพราะมีเบาะกั้น
3. คุยกับคนขับเฉพาะเรื่องเส้นทางเท่านั้น ไม่ควรให้เขาละลาบละล้วงมาถึงเรื่องส่วนตัวได้ หากมีการชวนคุยเช้าซี่ ควรตัดบทหรือนิ่งเสีย หรือใช้เสียงเคร่งขรึมเพื่อข่มกลับไปให้รู้ว่าเราเริ่มรำคราญหากไม่มั่นใจว่าแววตาของเราจะแข็งพอ อย่าสบตากับคนขับรถ เพราะคนเหล่านี้ มีประสมการณ์ในการสังเกตคนจากสีหน้า แววตา และน้ำเสียงมาก
4. ควรสังเกตเส้นทางตลอดเวลาที่ผ่าน ที่ง่ายที่สุดควรมองหาป้ายชื่อซอย ซึ่งจะทราบว่าอยู่ถนนอะไร ซอยที่เท่าไหร่ หากสถานการณ์ไม่ดีควรโทรหาญาติหรือเพื่อนโดยบอกเส้นทางที่ผ่านทุกระยะ
5. อย่าเผลอหลับบนรถแท็กซี่ ไม่ว่าขณะนั้นคุณจะเมา หรือ ง่วงแค่ไหน
6. อย่าให้ความคิดที่ว่า “คงไม่มีอะไรหรอก” มาปิดโอกาสในการระวังภัยของคุณ เพราะคุณอาจจะได้คิดอย่างนั้นเป็นครั้งสุดท้าย
7. หากเห็นท่าทางไม่ดี เช่นถูกลวนลาม คนขับพูดจาแทะโลม รู้สึกวิงเวียนเหมือนโดนมอมยา หรือขับรถออกนอกเส้นทางให้ใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อญาติ เพื่อนสนิท หรือแฟนทันที
แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับรถ หมายเลขทะเบียน สี ยี่ห้อ และชื่อคนขับ ที่ติดอยู่ในรถพร้อมกับบอกสถานที่อย่างละเอียด หรือเมื่อสบโอกาสให้รีบหนีลงจากรถเพื่อความปลอดภัย แล้วแจ้งตำรวจทันที
8. แต่งกายรัดกุม ไม่โป๊ ย่อมจะไม่เตะตา “อาชญากรรมทางเพศ”
หมายเลขโทรศัพท์ด่วนแจ้งตำรวจคือ 191 หรือสถานีวิทยุ จส.100 ที่หมายเลข 1137 หรือสถานีวิทยุ สวพ.91 หมายเลข 1644 (ไม่ต้องกด 02) สถานีวิทยุทั้งสองแห่งจะออกอากาศลดทันทีเมื่อมีเหตุด่วนเหตุร้าย
อย่าคิดว่าสิงเลวร้ายพวกนี้ จะไม่เกิดขึ้นกับเรา ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนอื่นได้ มันก็เกิดขึ้นกับคุณได้เช่นกัน
นั่งเบาะหลัง เลือกฝั่งคนขับ ถ้านั่งหลับ ระวัง จะกลับไม่ถึงบ้าน นั่ง TAXI ควรนั่งเสียแค่สตางค์ ถ้าพลาดพลั่ง ระวัง อาจเสียตัว

ที่มา : หนังสือภัยผู้หญิง