เดี๋ยวนี้แฟชั่น “สาดน้ำกรด” กำลังมาแรง น้ำใสๆราคาไม่แพง แต่ประสิทธิภาพรุนแรงถึงขั้นเฉียดตายเหมือนตกนรกทั้งๆที่ยังไม่ตาย
“น้ำกรด”เป็นสินค้าที่ใครๆก็ซื้อได้และหาซื้อง่ายยิ่งกว่าปาท่องโก้เสียอีก จึงกลายเป็น “ภัยร้ายไร้สัญญาณเตือน” เสมือนอาวุธยอดฮิตติดอันดับที่ใช้ตัดสินปัญหาของคนด้อยปัญญาทั้งหลาย เมื่อเจ็บแค้นหึงหวง ผิดหวัง รักคุด ตุ๊ดเมิน ก็ใช้ “น้ำกรด” เป็นเครื่องมือแก้ปัญหา
สาเหตุการสาดน้ำกรดมักเกิดจากปัญหารักๆใคร่ๆที่ตกลงกันไม่ได้ ซึ่งสืบเนื่องมาจากการเจ็บกระดองใจด้วยสาเหตุ เช่น แยกทาง เลิกรา ปันใจ หรือเชิงชู้สาว “เหยื่อ” ผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกสาดด้วยน้ำกรดส่วนใหญ่เป็น “หญิง” ประมาณว่า “รวมกันเราอยู่ เลิกกับกู มึงเจอสาดน้ำกรด” เข้าทำนอง “ข้าไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้” นี่คือ “นิยาม” ของคนเห็นแก่ตัว
“น้ำกรด”อาวุธลับ อาวุธร้าย ยอดฮิตตัดสินปัญหา
หมวย....คนสวย ผมยาว ผิวขาวอมชมพู การศึกษาสูง คืนหนึ่ง หมวยจับได้ว่าสามีเธอนอกใจ เลยสะกดรอยตามไปถึงรังรักใหม่เพื่อให้เห็นกันจะๆว่าคนรักกำลังนอนกกเมียน้อยอยู่จริงไหมหมวยเคาะประตูอยู่นาน สุดท้ายประตูก็ถูกเปิดออก แต่ไม่เห็นหน้าใครมีเพียงมีดปลายแหลมสวนแทงเข้าที่ลำตัวเธอ และมีน้ำใสๆสาดออกมาให้เธอเปียกโชกไปครึ่งตัว ทั้งๆที่ไม่ใช่วันสงกรานต์เธอหลบมีดได้ฉับไว แต่ใครจะรู้ว่าน้ำใสๆที่มากระทบร่างเธอนั่นคือน้ำกรดที่ไม่ได้แช่เย็น...หมวยเริ่มชา ปวดแสบปวดร้อน และลงไปแดดิ้น รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เหลือพื้นที่ผิวขาวอมชมพูให้ทาครีมอยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งก็ถูกพิษของน้ำกรดทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
อีกกรณีตัวอย่าง
วรรณ....หญิงสาววัยเพียง 20 เศษ วรรณเป็นสาวสวยหน้าตาดีเธอตัดสินใจเข้าสู่ประตูวิวาห์กับชายหนุ่มรูปงาม โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ชายคนนั้นเพียงแค่หลงใหลรูปร่างหน้าตาของเธอเท่านั้น
วรรณอยู่กินกับสามีของเธออย่างมีความสุข สุกๆดิบๆอยู่มาวันหนึ่งจากภรรยาก็ได้เลื่อนฐานะเป็นภรรยาหลวงโดยมีผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยาน้อยของสามีเธอมารดน้ำ(กรด)ดำหัวให้ถึงบ้านทั้งๆที่ไม่ใช่เทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย ด้วยโทษฐานที่เธอ “สวยกว่า”ก็แค่นั้น
วรรณปวดแสบปวดร้อน ทำอะไรไม่ถูก ทรมานเป็นที่สุด และแม้วันนี้เหตุการณ์จะล่วงเลยมาเกือบปีแล้ว เธอก็ยังหวาดกลัวและมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น
วรรณนั่งอยู่กับบ้านแท้ๆก็ต้องมาซวยโดนสาดด้วยน้ำกรดฉะนั้นอย่าคิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับคุณหรือคนที่คุณรัก
เรื่องจริงที่เกิดขึ้น....กรณีพ่อเลี้ยงสาดน้ำกรดใส่ลูกเลี้ยงสาว
ก้อย...สาววัยรุ่นหน้าตาดีอีกราย เธออายุแค่ 17 ปี แต่โดนสาดน้ำกรดจากฝีมือพ่อเลี้ยง ด้วยปัญหาเดิมๆคือลูกเลี้ยงไม่ยอมให้ปลุกปล้ำโดยสมัครใจ
พ่อเลี้ยงจึงแค้นหนัก พรางตัวด้วยการสวมหมวกกันน็อก ใส่แจ๊กเก็ตสีดำ ขี่จักรยานยนต์มาดักรอ แล้วสาดน้ำกรดใส่หน้าเธอระหว่างเดินกลับจากโรงเรียนผลคือก้อยมีแผลเป็นที่ใบหน้า และลำตัวซีกซ้าย เธอรู้สึกขยะแขยงตัวเองเพราะเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้าง แต่แย่กว่านั้นคือเธอไม่สามารถแสดงนาฎศิลป์ซึ่งเป็นช่องทางประกอบอาชีพนำรายได้มาเลี้ยงแม่และครอบครัวได้อีกต่อไป
ภัยสาดน้ำกรด ไม่ละเว้นแม้แต่สาวๆที่มีหน้าที่การงานดี เช่น เมย์...พนักงานสาวฝ่ายสินเชื่อ ธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งย่านพหลโยธินในตอนแรก รปภ.เห็นเมย์มีปากเสียงกับผู้ชายคนหนึ่งหน้าตึกที่เธอทำงานอยู่ แต่จู่ๆก็เห็นเธอลงนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้น ด้วยสภาพใบหน้าและแขนขาบวมแดง เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ทะลุขาดวิ่น จากเนื้อผ้าสีดำกลายเป็นสีขาว มีบางชิ้นส่วนหลุดลุ่ยออกมา
หลังจากผู้กระทำผิดถูกจับกุมมีการสอบสวนฝ่ายชายได้ความว่าตนและฝ่ายหญิงได้คบหากันมาหลายปี ฝ่ายหญิงเริ่มตีตัวออกห่างเพียงแค่เธอบอกปัดว่ามีแฟนใหม่ ฝ่ายชายเลยโมโหเลือดขึ้นหน้า คว้าน้ำกรดเข้มข้นที่เตรียมมา สาดใส่หน้าจนอาการบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นตาบอดทันที และสุดท้ายเธอก็จากโลกนี้ไปด้วยพิษรักแรงหึง และพิษ “น้ำกรด”
กรณีที่เป็นเช่นนี้เพราะเมย์อาจตัดสัมพันธ์สวาทขาดสะบั้นรุนแรงเกินไป โดยคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับตัวเธอ แต่ถ้าเมย์ใช้วิธีบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น อย่างมากที่สุดก็แค่ได้เขียนขอบตาเขียวช้ำฟรีๆ โดยไม่ต้องพึ่งอายแชโดว์
ส่วนอีกรายยังไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย แต่ก็ต้องมาติดโผการแก้ปัญหาด้วยวิธียอดฮิต “สาดน้ำกรด” ไปกับเข้าด้วย
ดังกรณี...ฝีมือหนุ่มโรงหล่อพระ แค้นใจแม่ค้าสาวที่ตนแอบชอบ แต่เธอไม่ยอมรับรัก พาพ่อแม่ไปสู่ขอก็ยังไม่ยอมใจอ่อน สุดท้ายเลยพึ่งวิธีอำมหิตใช้น้ำกรดกัดโลหะบุกราดสาวตั้งแต่หัวจรดเท้ากลางวันแสกๆ ต่อหน้าสายตาผู้คนนับร้อยคู่ ทิ้งให้สาวเจ้าผมร่วงหลุด นอนรักษาตัว รักษาใจอย่างขื่นขม และต้องทำใจว่าคงไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้อีก
แรกเลยก็ดูเหมือนว่าฝ่ายชายนั้นรักจะเป็นจะตาย “รักก็กลับมาทำร้ายให้ตายทั้งเป็น” ทำไมไม่ยินดีกับการได้ดีของคน (เคย) รักก็คิดเสียว่าเป็นเพราะความไม่เหมาะสมหรือทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ปล่อยเขาไปเป็นสุขเป็นสุขเถิด
นี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางส่วน เพราะในความเป็นจริงแล้ว “เหยื่อ” น้ำกรดทั้งหลาย ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาว ซึ่งนับวันจะมีเหยื่อถูกสาดน้ำกรดเพิ่มมากขึ้นเพราะผู้คนในสังคมมีการแก้ปัญหาด้วยอารมณ์มากกว่าสติปัญญา ดังข่าวในสื่อต่างๆหรือร้องเรียนมาที่มูลนิธิช่วนเหลือสตรี
จะเห็นได้ว่าเหยื่อถูกน้ำกรดสาดมักไม่ทันระวังตัว คิดว่าการทำร้ายร่างกาย ด้วยการสาดน้ำกรดนั้น คงมีเพียงแต่ในละครน้ำเน่าหลังข่าว 2 ทุ่ม เพื่อประกอบฉากชู้สาว ชิงรักหักสวาทให้ ดุ เด็ด เผ็ด มันเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าชีวิตจริงนั่นแหละเน่ายิ่งกว่าในละครเสียอีก
มือสาดน้ำกรดมักเป็นคนที่ตัวเหยื่อเองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือรู้จักสนิทสนมเป็นอย่างดี เช่น พ่อเลี้ยง แฟน อดีตแฟน เพื่อนชาย หรือ ชายหนุ่มที่ตามตื้อเพื่อขอเป็นแฟน แฟนใหม่ของแฟนเรา (อย่างงเรียงให้ถูกแล้วจะเข้าใจ)
ถึงตรงนี้คุณคงอยากรู้แล้วใช่ไหมว่าน้ำกรดทำมาจากอะไรและมีพิษสงรุนแรงขนาดไหน แล้วจะแก้ไขป้องกันอย่างไร?
น้ำกรดคืออะไร?
“น้ำกรด” เป็นของเหลวใสที่มีฤทธิ์เป็นกรด (Acid) เป็นสารประกอบที่ส่วนใหญ่มีออกซิเจน(O2) เป็นองค์ประกอบอยู่ ส่งผลให้มีไฮโดรเจน อิออน (H+) ในน้ำ
+++ข้อสังเกตของกรดคือจะมีกลิ่นเปรี้ยวรุนแรง
กรดในชีวิตประจำวันมีอยู่ 2 ประเภท คือ
กรดอินทรีย์ เป็นกรดทีได้จากสิ่งมีชีวิต เช่น พืช จุลินทรีย์หรือจากการสังเคราะห์ สามารถกินได้
ซึ่งได้แก่ กรดอะซิติก (Acetic Acid หรือกรดน้ำส้ม เช่น น้ำส้มสายชูที่เรากินกันเป็นประจำกรด
ชิตริก (citric Acid) เป็นกรดที่อยู่ไนน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว
กรดอะมิโน (Amino Acid) เป็นกรดโปรตีนที่พบอยู่ในเนื้อสัตว์ ผลไม้เปลือกแข็ง
หรือพืชตระกูลถั่ว
กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) หรือวิตามิน ซี ที่มีในผลไม้รสเปรี้ยวนั่นเอง
กรดอนินทรีย์ คือกรดที่ไม่สามารถกินได้ และเป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือเรียกกันว่ากรดแร่
เป็นกรดที่เกิดจากการสังเคราะห์จากแร่ธาตุ มีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างรุนแรง และเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งได้แก่ กรดกำมะถัน หรือ กรดซัลฟิวริก (Sulphuric Acid) ที่มักใช้ในผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างห้องน้ำ และ กรดเกลือ หรือ กรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric Acid)ซึ่งใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
สาวๆพึงระวัง ภัยสาดน้ำกรดเกิดขึ้นได้กับทุกคน จึงควรใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท อย่าพยายามสร้างศัตรู เพราะมีมิตรร้อยคนก็ถือว่าน้อยไป แต่ถ้ามีศัตรูคนเดียวก็มากเกิน หากเกิดปัญหาขึ้นมาโดยเฉพาะปัญหาเรื่องรักด้วยแล้ว ควรใช้วิธีประนีประนอม ปัญหานั้นด้วยเหตุผล สติ และสันติวิธี อย่าใช้ความรุนแรง หรือ อารมณ์เข้าช่วย เพราะนั่นอาจ “ซวย” กลายเป็นชนวน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามใช้การแก้แค้นด้วยวิธีเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) เช่น การสาดน้ำกรด
วิธีระวังภัยในเบื้องต้น
ให้ระวังคนแปลกหน้าที่เข้ามาประชิดตัว
อย่าสร้างศัตรู แต่ถ้าคุณผิดใจกับใครก็ควรระวังบุคคลนั้นเป็นพิเศษ (ถ้าไม่สร้างมิตรหนึ่งคน ก็อย่าสร้างศัตรูหนึ่งคน)
มูลเหตุสำคัญของภัยสาดน้ำกรดมักมาจากปัญหารักๆ ใคร่ๆ ฉะนั้นแล้ววิธีป้องกันการสาดน้ำกรดที่ดีที่สุด คือการยุติความสัมพันธ์ด้วยวิธีประนีประนอม รอมชอม
พ่อเลี้ยง คนรักเก่า คนรักใหม่ เพื่อนชาย หญิงสาวที่แฟนคุณไปติดพัน กลุ่มคนเหล่านี้ คือที่มาของปัญหาและภัยสาดน้ำกรด
ถ้าโชคร้าย โดนน้ำกรดสาด สิ่งที่ควรปฏิบัติคือ
-รีบทำให้น้ำกรดนั้นเจือจางลงโดยด่วน ด้วยการชำระล้างด้วยน้ำสะอาด โดยใช้น้ำก๊อกหรือฝักบัวให้ไหลผ่านผิวหนังที่สัมผัสถูกน้ำกรด นานราว 30-40 นาที ถ้าเป็นน้ำเย็นยิ่งดี
-จากนั้นใช้ผ้าพันแผลสะอาดๆ ปิดไว้
-รีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อทำการรักษาขั้นต่อไป
- หลังจากเหยื่อรักษาบาดแผลบนร่างกายจนหายแล้ว สำคัญที่สุดคือการรักษาแผลใจ
เนื่องจากน้ำกรดถือเป็นสินค้าสามัญมากกว่าเป็นอาวุธคุกคาม และบทลงโทษก็มีเพียงแค่ข้อหาทำร้ายร่างกายซึ่งโทษจิ๊บจ๊อยมาก เมื่อเทียบกับเหยื่อที่ต้องมีชีวิตเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น น่าจะมีการเพิ่มข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งมีโทษสูงกว่า
ผู้เกี่ยวข้องจึงควรหันมาดูแลเรื่องบทลงโทษผู้กระทำความผิดข้อหาสาดน้ำกรด และเพิ่มโทษคนร้ายประเภทนี้ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะมันคือการพยายามฆ่าไม่ใช่ทำร้ายร่างกายนอกจากนี้แล้วควรมีมาตรการควบคุมสินค้าประเภทน้ำกรด ต้องมีการเข็มงวดเรื่องการซื้อและการขาย ไม่ใช่หาซื้อได้ง่ายเหมือนชาเขียวเช่นนี้
ที่มา:หนังสือภัยผู้หญิง



